เมื่อพูดถึงการทำการตลาดและการส่งเสริมการขาย หนึ่งในทางเลือกขององค์กรธุรกิจที่ต้องเลือกใช้อยู่ทุกครั้ง ก็คือการจัดทำของโปรโมชั่นสำหรับสินค้าและบริการ นอกจากการลดราคาสินค้าแล้วก็ต้องมีของพรีเมี่ยม หรือของแจกให้กับลูกค้าเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก หลายคนอาจจะยังมีข้อสงสัยว่าทำไมการทำการตลาดแบบนี้ยังคงอยู่และไม่ลดน้อยลงหรือเลือนหายไป
ทั้ง ๆ ที่กลยุทธ์ในการทำตลาดของปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใหม่ ๆ เข้าแทนที่โดยเฉพาะการทำตลาดออนไลน์ที่เรียกได้ว่ามีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงและรวดเร็ว เรามาพิจารณารายละเอียดความสำคัญว่าเพราะสาเหตุใด ของโปรโมชั่น หรือของแจกเหล่านี้ จึงยังคงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการทำตลาดที่มีความสำคัญต่อแบรนด์ธุรกิจมาอย่างยาวนาน กับ 4 เหตุผล เพื่อตอบโจทย์ให้กับองค์กรธุรกิจกันว่าทำไมของพรีเมี่ยมจึงยังมีความสำคัญกับธุรกิจของคุณ
1.สามารถเพิ่มช่องทางการรับรู้แบรนด์
ถึงแม้ว่าการทำการโฆษณาสินค้าจะมีทั้งแบบ Above the line ซึ่งเป็นการโฆษณาบนสื่อหลัก อย่างวิทยุ โทรทัศน์ หรือหนังสือพิมพ์ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันอาจจะดูเก่า แต่ก็ถือว่ายังคงเป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อยู่ แต่ก็เรียกได้ว่าเมื่อเทียบกับงบประมาณที่ต้องเสียไปด้วยแล้วก็ถือว่าไม่คุ้มเอาอย่างยิ่ง เพราะลูกค้าในปัจจุบันรับสื่อจากหลายช่องทาง แต่ในทางกลับกันถ้าเราเลือกการทำการตลาดแบบ Below the Line ที่เป็นการตลาดในแบบสื่อสารแบบสองทางเพื่อการเข้าถึงลูกค้า อย่างการทำของแจก ของโปรโมชั่น ที่เป็นของพรีเมี่ยม ให้กับลูกค้า แบบเป็นของที่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย หรือสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันด้วยแล้ว ตัวอย่างเช่น เสื้อยืด ปากกา ร่ม หมวก หรือกระเป๋าผ้าลดโลกร้อน เป็นต้น เมื่อลูกค้าได้รับก็สามารถนำมาใช้ได้ซึ่งถือเป็นการรับรู้แบรนด์ แล้วตรอกย้ำแบรนด์ของธุรกิจได้เป็นอย่างดี
2.เพิ่มความภักดีในแบรนด์สินค้าและบริการ (Brand Loyalty)
ของพรีเมี่ยมที่แบรนด์สินค้าและบริการต่าง ๆ จัดทำเพื่อแจกให้กับลูกค้าจะสามารถเชื่อมโยงกับการรับรู้แบรนด์กับผู้บริโภคได้ดี ดังนั้นเมื่อของพรีเมี่ยม และของแจกของเรามีคุณภาพที่ดี มีรูปแบบที่สวยสะดุดตาน่าจดจำแล้วละก็ลูกค้าที่ซื้อสินค้าและบริการของเราก็จะมีความเชื่อมั่นและเกิดการซื้อซ้ำ รวมถึงบอกต่อและพัฒนาไปเป็นความจงรักภักดีกับแบรนด์นั้น ๆ ได้ในอนาคต
3.ของโปรโมชั่นเปรียบเสมือนเป็นนามบัตร
อีกหนึ่งช่องทางในการสื่อสารให้เกิดจากการรู้จักแบรนด์สินค้าและบริการก็คือนามบัตร ดังนั้น ของพรีเมี่ยม และของแจกก็เช่นกัน เมื่อทำการแจกให้ลูกค้าแล้วก็มีหน้าที่คล้ายกันกับนามบัตร แต่จะทวีคุณค่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านามบัตร เพราะการที่เราได้แจกของแล้ว จะทำให้ลูกค้าได้สัมผัสกับแบรนด์จริง ๆ เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งจะทรงประสิทธิภาพและทำให้ลูกค้าที่ได้รับรู้ และจะกลายมาเป็นลูกค้าที่เกิดการซื้อสินค้าของเราซ้ำในอนาคตก็เป็นไปได้
- ใช้งบประมาณการลงทุนที่ต่ำ
การทำตลาดแบบการแจกของโปรโมชั่น หรือของพรีเมี่ยมนั้น ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้งบประมาณที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการทำการตลาด การโฆษณา หรือการประชาสัมพันธ์ในช่องทางอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อขนาดใหญ่ เช่น บิลบอร์ด เมื่อเทียบกับการรับรู้ที่คนขับรถผ่านสามารถมองเห็นได้แวบเดียว ไม่ได้สัมผัส แค่เห็นผ่านตา หรือว่าจะเป็นสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ วิทยุ ที่ต้องลงทุนมหาศาลที่แลกเปลี่ยนกับการรับรูปก็เพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ในขณะเดียวกันถ้าองค์กรธุรกิจและบริการเลือกการทำของพรีเมี่ยมแทน โดยการสั่งทำสินค้ากับโรงงานผู้ผลิตโดยตรงเพื่อมาแจกเป็นจำนวนมาก ๆ ก็ย่อมมีต้นทุนที่ต่ำกว่าแน่นอน เรียกว่ายิ่งมีปริมาณการสั่งมาก ยิ่งสามารถควบคุมต้นทุนได้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นการทำการตลาดที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นแล้วด้วยโรงงานผู้ผลิตของแจกที่มีให้เลือกจำนวนมากมาย แถมด้วยมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าพรีเมี่ยมได้ในจำนวนมาก จึงสามารถทำให้รักษาคุณภาพของสินค้าพรีเมี่ยมที่ผลิตได้ในราคาที่ต่ำกว่า และเพื่อให้การทำโปรโมชั่นและส่งเสริมการขายที่ให้ผลดีมากยิ่งขึ้น องค์กรธุรกิจอาจจะทำการเลือกของแจกหรือของพรีเมี่ยมที่สามารถใช้ซ้ำได้ เป็นระยะเวลานาน แทนการเลือกของแจกที่ใช้ได้ครั้งเดียว เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับรู้ให้ผู้บริโภคได้รับของแจกแล้วนำมาใช้ได้เป็นประจำ จะเป็นการตอกย้ำแบรนด์และรับรู้แบรนด์มากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุผลทั้ง 4 ข้อที่เราได้สรุปมาแล้วนั้น ทำให้องค์ธุรกิจสามารถรับรู้ได้เลยว่าของพรีเมี่ยมนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่คู่ควรกับการใช้สำหรับการทำตลาดให้กับสินค้าและบริการได้ในทุกยุคทุกสมัย แต่องค์กรธุรกิจจะต้องคำนึงถึงสิ่งที่ควรปรับเปลี่ยน และให้ความสำคัญร่วมด้วยเสมอคือการเลือกสินค้าและของโปรโมชั่นว่าควรเป็นอะไร เพื่อที่จะให้ของพรีเมี่ยมนั้นสามารถตอบสนองกับความพึงพอใจกับผู้บริโภคในแต่ละระดับ และยังหมายรวมไปถึงต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับองค์กร สินค้าและบริการของเราเพื่อให้เกิดประสบการณ์ที่ดีต่อเนื่องไปจนถึงความจงรักภักดีกับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง